ขบวนการไซออนิสต์ การก่อการร้ายซ่อนรูป (ตอนที่ 4) | กลไกเพื่อการครอบโลกของขบวนการไซออนิสต์
  • 22 กุมภาพันธ์ 2018 at 15:39
  • 4230
  • 0

กลไกเพื่อการครอบโลกของขบวนการไซออนิสต์

 

ดูเหมือนถ้อยความที่ปรากฏในปฏิญญาสากลของไซออนิสต์จะสะท้อนให้เห็นว่า พวกเขาได้ถอดบทเรียนจากประวัติการต่อสู้อันยาวนานได้บทหนึ่ง สาระสำคัญของบทเรียนนั้นมีอยู่ว่าว่า สงครามความคิดมีความแหลมคมและสำคัญกว่าสงครามอาวุธ ดังนั้น ไซออนิสต์จึงมุ่งทำสงครามความคิดมากกว่าการใช้กำลังอาวุธ สงครามนี้มีเป้าหมายอยู่ที่การทำให้ผู้คนหมดสิ้นความคิดอ่าน แต่จะใช้ชีวิตตามแรงปรารถนาของอารมณ์ กิเลสและตัณหา อาวุธที่สำคัญอย่างยิ่งในสงครามความคิดที่ถูกนำมาใช้โดยขบวนการไซออนิสต์ ก็คือ

 

 1. กระบวนการแยกส่วนชีวิต

 

คือ การทำให้ชีวิตมนุษย์ถูกแยกเป็นภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ภาคเศรษฐกิจ ภาคสังคม ภาคการเมือง ภาคศาสนาเป็นต้น แต่ละภาคส่วนจะมีความแปลกแยกต่อกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคส่วนศาสนาซึ่งจะถูกเบียดขับ และถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่อันจำกัดคับแคบที่สุด ดุจดังเชลยที่ถูกกักขังไว้ เพราะศาสนามักเป็นแหล่งกำเนิดของอุดมคติ ความคิดและคุณธรรมจริยธรรม อันอาจจะกลายเป็นตัวขัดขวางการครอบโลกของบรรษัทธุรกิจข้ามชาติได้ เมื่อแยกศาสนาออกไปได้แล้ว สิ่งที่ดำรงอยู่ในสังคมก็คือความเหลวแหลกเละเทะทางสังคม ความโลภอันไร้ขีดจำกัด การฉ้อฉลคดโกง และความหวาดระแวงต่อกันและกัน จนไม่อาจไว้วางใจใครได้ ก่อเกิดความแตกแยกร้าวฉาน และสงครามขับเคี่ยวระหว่างกันและกันอยู่เนืองนิจ ภายใต้สภาวการณ์เช่นนี้ ย่อมจะหาคนที่ปลีกตัวหามุมสงบแก่ชีวิต และใช้ความคิดค้นหาสัจธรรมได้ยาก แต่จะเป็นการง่ายในการสูบผลประโยชน์ทางวัตถุป้อนให้แก่ผู้บงการ การอุบัติขึ้นของลัทธิฆราวาสนิยม  และกำเนิดของลัทธิวิวัฒนาการ โดย ชาร์ลส์ ดาร์วิน ช่วยให้วิถีชีวิตแบบที่ชาวยิวเป็นผู้ควบคุมอยู่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โลกมีแต่วัตถุ ไม่มีอำนาจใด ๆ อยู่เบื้องหลังธรรมชาติ ไม่มีพระเจ้าผู้สร้างโลก มีก็แต่พระเจ้าเงินตราเท่านั้น ภายใต้มโนทัศน์เช่นนี้ ภาคส่วนที่เติบโตสูงสุด และกลายเป็นตัวชี้วัดคุณค่าความเป็นมนุษย์ แทนที่มาตรฐานทางศีลธรรมที่ศาสนาเคยพร่ำสอนก็คือ ภาคส่วนเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อถูกแยกออกมาจากสังคมและศาสนาแล้ว เศรษฐกิจจึงมีเพียงการแข่งขันกันหารายได้ การเอารัดเอาเปรียบ การเก็งกำไรระยะสั้นในรูปแบบของการพนัน ในขณะที่กดข่มให้ภาคสังคมอ่อนแอ เนื่องจากขาดแคลนคนทำงานด้วยจิตสาธารณะ มีแต่สภาวะต่างคนต่างอยู่ และแข่งกันทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เพียงเพื่อจะส่งผลกำไรสูงสุดเข้าสู่ตลาดโลกที่ส่วนใหญ่แล้วมีชาวยิวเป็นผู้ควบคุมอยู่นั่นเอง

 

 2. การทำลายฟิตรอฮ์ของมนุษย์

 

ฟิตรอฮ์ คือ ศักยภาพและความสำเหนียกตามธรรมชาติที่อัลลอฮ์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานแก่มนุษย์ เพื่อใช้ในการแสวงหาและรับเอาความรู้และความดีงามอันแท้จริงบนโลก

 

การดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งของฟิตรอฮ์ จึงหมายถึง การดำรงอยู่ของคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ ขณะที่ความอ่อนแอของฟิตรอฮ์ก็หมายถึงการพังทลายของคุณค่าที่มนุษย์มีอยู่

 

ฟิตรอฮ์เข้มแข็งได้ก็เพราะอิงแอบกับอัลลอฮ์ผู้ทรงรังสรรค์มันขึ้นมา ดุจเดียวกับที่ทารกรู้สึกมั่นคงในอ้อมกอดของผู้ให้กำเนิดนั่นเอง แต่โลกภายใต้การชักนำของไซออนิสต์กำลังทำให้ฟิตรอฮ์ของมนุษย์อ่อนแอลง จนกลายเป็นเหมือนทารกที่ถูกพรากจากไออุ่นของบิดรมารดา จึงมีแต่ความหยาบกระด้าง ตะกละตะกราม และดิบเถื่อน กระบวนการสำคัญที่ทำให้ฟิตรอฮ์ของมนุษย์อ่อนแอนี้ อยู่ที่การสร้างอุตสาหกรรมอารมณ์ขึ้นมา ซึ่งก็ได้แก่ อุตสาหกรรมหรือกิจการที่ผู้ประกอบการมุ่งเพียงสนองตอบอารมณ์ความรู้สึกและกิเลสตัณหาของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมจริยธรรม และไม่มีการกระตุ้นให้เกิดความคิดอ่านหรือการใช้เหตุผลแต่อย่างใด อุตสาหกรรมประเภทนี้จึงมุ่งสร้างความบันเทิงเริงรมย์แก่ผู้บริโภคเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นรายการต่าง ๆ ที่เผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์จะเป็นรายการบันเทิงไร้สาระมากกว่า ร้อยละ 50 และรายการเหล่านี้มีคนดูคอยติดตามอย่างหนาแน่น ขณะที่รายการซึ่งให้สาระและข้อคิดมักมีผู้ชมเพียงน้อยนิดเท่านั้น และเมื่อในหมู่มนุษย์

 

เพศที่มักอ่อนไหวไปกับอารมณ์ความรู้สึกได้ง่ายกว่าคือเพศหญิงไซออนิสต์จึงไม่รีรอที่จะพุ่งสาส์นของตนไปยังเพศหญิงโดยตรง และเป็นการพุ่งไปยังอารมณ์ความรู้สึกของเธอนั่นเอง ชักจูงให้เธอออกจากบ้าน ด้วยข้ออ้างด้านความเสมอภาค โน้มน้าวให้เธอเปลี้องอาภรณ์ออกจากเรือนกาย ด้วยข้ออ้างสิทธิส่วนบุคคล และชี้ชวนให้เธอเดินเข้าไปในวังวนของการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย ด้วยข้ออ้างความทันสมัย ผลของการส่งสาส์นไปที่เพศหญิงโดยตรง คือการล่มสลายของสถาบันครอบครัว การกลายเป็นสินค้าของบรรดาสตรี ความสำส่อนทางเพศ และการเติบโตของลัทธิบริโภคนิยม ในขณะที่กลุ่มวัยรุ่น ก็ถูกอุตสาหกรรมอารมณ์ขูดรีดความคิดอ่านและเหตุผลไปจนหมดสิ้น เหลือแต่ซากร่างที่ดิ้นรนหาความสุขฉาบฉวยชั่วครู่ ไปวัน ๆ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของสินค้าอารมณ์ ทั้งยาเสพติด เกมส์ ดนตรี กีฬา และการพนันขันต่อ ผู้เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น ดารา นางแบบ นักร้อง นักดนตรี นักกีฬา ต่างกอบโกยรายได้ล้นเหลือ ในขณะที่ผู้ผลิตสินค้าเพื่อชีวิตจริง ๆ เช่น ชาวนา ชาวไร่ ถูกกดข่มอยู่ชั่วนาตาปี เราควรตั้งคำถามว่า สิ่งเหล่านี้ แพร่กระจายเข้าสู่สังคมต่าง ๆ และไปทำลาย รื้อทิ้งค่านิยมอันดีงามของวิถีอดีตได้อย่างไร?

 

สื่อสารมวลชนคือหนทางที่ทรงประสิทธภาพอย่างยิ่ง ต่อการเผยแพร่สิ่งที่ไซออนิสต์ต้องการ การศึกษาบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อ พบว่าส่วนใหญ่อยู่ในการกำกับดูแลของชาวยิวทิ้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ สื่ออิเลคโทรนิคส์ สิ่งพิมพ์ และธุรกิจอุตสาหกรรมภาพยนตร์ นิตยสาร THAI COON 2.1 ปักษ์แรก เดือนพฤศจิกายน  2544 เปิดเผยว่า  บริษัทสื่อใหญ่ ๆ ในสหรัฐอเมริกานั้น เป็นที่รู้กันว่ามีอยู่เพียงสิบกว่าแห่งเท่านั้น ซึ่งล้วนแล้วแต่มียิวเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่แทบทั้งสิ้น สื่อเหล่านี้ทรงอิทธิพลชนิดที่สามารถสร้าง MANUFACTURING CONSENT หรือ การผลิตความเห็นชอบร่วมกันของประชาชนได้ สื่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ AOL TIME WARNER INC. ซึ่งควบคุมสื่อทุกแขนงไว้ในมือ ทั้ง นิตยสารชั้นนำ กว่า 20 หัว เช่น TIME  FORTUNE            สตูดิโอ รวมทั้งสำนักข่าวใหญ่อย่าง CNN ด้วย หรืออย่างบริษัท วอลท์ดิสนีย์ ซึ่งควบคุมดูแลบริษัทผลิตภาพยนตร์ต่าง ๆ เช่น ฮอลลิวู้ด พิกเจอร์ ทัชสโตน พิกเชอร์ คาราวาน พิกเชอร์ ก็อยู่ในมือยิวชื่อโมเคิล อีสเนอร์

 

ส่วนบริษัท เวียคอม ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจสถานีโทรทัศน์ 13 แห่ง ในสหรัฐ เป็นเจ้าของ MTV (ช่องเพลงระดับโลกที่มีผู้ติดตามประมาณ 250 ล้านครัวเรือนทั่วโลก) และ Nickelodeon ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดโทรทัศน์เกี่ยวกับเด็ก และทะลุทะลวงไปถึง 90 ล้านครัวเรือนในเจ็ดสิบประเทศ ก็เป็นของยิว ชื่อ ซัมเนอร์ เรดสโตน

 

กลุ่ม นิวส์ คอปส์ ซึ่งประกอบด้วยหนังสือพิมพ์มากกว่า 130 ฉบับทั่วโลก สตูดิโอ ทเวนตี้เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ เจ้าของสตาร์ทีวีก็อยู่ในอำนาจของยิว ชื่อ รูเพิร์ต เมอร์ดอกซ์

 

หนังสือพิมพ์สามฉบับที่มีอิทธิพลที่สุดในอเมริกา คือ วอชิงตันโพสต์ นิวยอร์กไทม์ และวอลสตรีท เออร์นิล ทั้งสามฉบับอยู่ในอุ้งมือยิว นิวยอร์กไทม์นั้น กล่าวได้ว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของอเมริกา เพราะสามารถชี้ทิศทางของการเมือง สังคม แฟชั่น วัฒนธรรมของอเมริกาได้ สื่อที่อยู่ในมือยิวนี้เอง คือ เครื่องมือสำคัญที่สุดในการสร้างกระแสโลกาภิวัตน์ อันเป็นกระแสที่หล่อหลอมผู้คนทั้งโลกให้มีความคิดเห็นและค่านิยมต่าง ๆ ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็คือทิศทางที่เจ้าของสื่อต้องการ โดยผู้บริโภคสื่อแทบไม่มีความคิดอ่านอะไรเป็นของตนเอง ยิ่งการบริโภคเน้นความบันเทิงเป็นหลักเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้พื้นที่ความคิดและเหตุผลของผู้บริโภคยิ่งหดตัวแคบลงเท่านั้น จนในที่สุดก็กลายเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ที่พร้อมจะคิดหรือทำอะไรก็ได้ แล้วแต่สื่อเหล่านั้นจะไขลานไปในทิศทางใด

 

ชีวิตในท่วงทำนองนี้จึงเรียกได้ว่าถูกทำลายฟิตรอ์ไปอย่างสิ้นเชิง และเป็นการทำลายที่เหยื่อแทบไม่รู้ตัว เนื่องจากต้องไขว่คว้าหาสินค้าที่เป็นตัวล่ออยู่ตลอดเวลาจนไม่มีโอกาสทบทวนตัวเอง

 

ทำไมจึงต้องเป็น ปาเลสไตน์ ?

 

การทำให้ผู้คนอ่อนแอด้วยกระบวนการใหญ่ ๆ 2 กระบวนการที่กล่าวมา อาจไม่มีความยุ่งยากมากนัก ในการใช้กับผู้คน ซึ่งมีจักรวาลทัศน์ (อกีดะฮ์) ในรูปลักษณ์ที่มีการแยกส่วนอยู่แล้ว หรือที่เรียกกันว่า ชิริกหรือการตั้งภาคีนั่นเอง เพราะจักรวาลทัศน์ในลักษณะนี้จะมีพระเจ้าหลายองค์ แต่ละองค์มีอำนาจในตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาพระเจ้าองค์อื่น  หลายครั้งพระเจ้าแต่ละองค์ยังต้องสู้รบกันเองอีกด้วย เมื่อไซออนิสต์เพิ่มพระเจ้าเงินตราเข้ามาอีกหนึ่งองค์ ก็ย่อมไม่มีอะไรเสียหายเพิ่มขึ้น ความเปลี่ยนแปลงเพียงประการเดียวก็คือ ในหมู่พระเจ้าทั้งหมดเหล่านั้น เงินตรากลายมาเป็นพระเจ้าสูงสุด ส่วนพระเจ้าองค์อื่น ๆ ก็มีหน้าที่เป็นสื่อกลางในการนำผู้บูชาเข้าหาพระเจ้าเงินตราให้มากที่สุดเท่านั้นเอง

 

ปัญหาใหญ่อยู่ที่จักรวาลทัศน์แบบอิสลาม ซึ่งมีลักษณะเป็นเอกภาพและไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของพระเจ้าอื่นใดทั้งหมด การยอมรับในเอกภาพแห่งอัลลอฮ์เพียงพระองค์เดียว(เตาฮีด) นำไปสู่วิถีชีวิตที่มองเห็นเงินตรา สินค้า และความบันเทิงเริงรมย์ต่าง ๆ เป็นเพียงส่วนปลีกย่อยเล็กน้อยของชีวิต และการบริโภคสิ่งเหล่านั้น ก็ยังวางจุดมุ่งหมายไว้ที่ “เพื่อนำไปสู่การอิบาดะฮ์ หรือถวายสักการะต่อพระองค์เท่านั้น” ซึ่งหากผู้คนใช้ชีวิตภายใต้มโนทัศน์ / จักรวาลทัศน์เช่นนี้ โอกาสที่ไซออนิสต์จะบรรลุสู่เป้าหมายการครองโลกผ่านทางการแยกส่วนชีวิตและการทำลายฟิตรอฮ์ก็ริบหรี่รางเลือน ยุทธศาสตร์การทำให้มุสลิมอ่อนแอจึงทรงความสำคัญสูงสุด และไม่อาจดำเนินการเพียงด้านสงครามความคิดเท่านั้น. หากแต่ต้องสร้างพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สามารถทำให้ไซออนิสต์สามารถครอบครองทรัพยากรสำคัญของอุตสาหกรรมทั้งหลายคือน้ำมัน ขณะเดียวกันพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้ยังจะช่วยกดข่มโลกมุสลิมมิให้ลืมตาอ้าปากได้ ทั้งทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และการรวมตัวอย่างเป็นเอกภาพ แต่ทุกประเทศจะต้องพึ่งพาอาวุธจากมหาอำนาจซึ่งควบคุมโดยไซออนิสต์อยู่แล้ว และจะต้องถูกแบ่งแยกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยต่อไป เพื่อความสะดวกในการควบคุมดูแล พื้นที่ยุทธศาสตร์นี้ชื่อว่า “อิสราเอล” และไม่อาจตั้งอยู่ในพื้นที่อื่นใดได้ นอกจากในปาเลสไตน์เท่านั้น        

 

ทั้งหมดนี้ สะท้อนว่าไซออนิสต์มิได้มุ่งร้ายเฉพาะมุสลิม แต่การทำให้มนุษยชาติอ่อนแอคือเป้าหมายของขบวนการอันชั่วร้ายนี้ การดำรงอยู่ของอิสราเอล จึงมิใช่ชัยชนะของไซออนิสต์เหนือโลกมุสลิมเท่านั้น แต่เป็นชัยชนะของไซออนิสต์เหนือโลกทั้งมวล

 

ในอดีตวันที่ยิวเคยมีองค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาเคยแหลกสลายเพราะถูกวาทกรรมอันชั่วร้ายของชาติพันธุ์อื่นครอบงำ แต่วันนี้วันที่ยิวไม่มีพระเจ้า ยิวได้สร้างวาทกรรมอันชั่วร้ายขึ้นเอง เพื่อตนจะได้ดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งบนซากปรักหักพังของชาติพันธุ์อื่น

พระเจ้าเคยทรงทำลายแผนการอันชั่วร้ายของยิวมาหลายครั้ง พระองค์พร้อมที่จะทำลายแผนการของพวกเขาอีก แต่เราพร้อมจะกลับไปพึ่งพาพระองค์หรือไม่ ?